หน้าฝนแบบนี้ มาให้เทรนเนอร์ที่มีอยู่ ปั่นจักรยานกันเถอะ
เมื่อฝนตกทุกวัน และมักจะตกเวลาช่วงเช้า หรือไม่ก็เย้นไปเลย ทำให้ไม่สามารถออกไป
ปั่นจักรยานได้ ทำไงดีหล่ะ บ้านไหนมีเทรนเนอร์ ก็หยิบออกมาปัดฝุ่นกัน และใช้งานเทรนเนอร์ที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ คุ้มค่าเงินที่เสียไปกันคะ

เทคนิดการใช้งานเทรนเนอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
1.การใช้ค่าวัตต์
โดยปกติแล้ว เมื่อมีวัตต์มิเตอร์ การฝึกซ้อมโดยใช้ค่าวัตต์ของเทรนเนอร์ จะเริ่มต้นด้วยการหา FTP (Functional Threshold Power) หรือค่ากำลังที่ออกแรงปั่นได้คงที่ใน 60 นาที ซึ่งส่วนใหญ่แล้วค่า FTP จะใกล้เคียงกำลังที่ใช้ปั่นในระยะทาง 40 กิโลเมตร โดยสามารถหาค่าเทียบเคียงด้วยการปั่นคุมกำลังแบบคงที่แบบ TimeTrial ให้หมดพอดีในระยะทาง 16 กิโลเมตร (20 นาที) ซึ่งผลที่ได้จะประมาณ 95% ของ FTP และการปั่นในแบบ VO2 Max (6 นาที) ผลที่ได้ในช่วงประมาณ 90% ของ FTP ซึ่งทั้งหมดนี้จะสามารถช่วยให้คุณนำค่าที่บันทึกได้ไปคำนวณหา FTP เพื่อใช้กับการฝึกซ้อมครั้งต่อๆไปให้มีประสิทธิภาพได
2.ค่าที่ได้ บอกประสิทธิภาพ
แม้จะไม่มีอุปกรณ์เพาเวอร์มิเตอร์ที่ช่วยวัดค่าพลังงาน คุณก็สามารถฝึกซ้อมบนเทรนเนอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและออกแรงด้วยการซ้อมแบบช่วง (Interval) ของการฝึกได้เช่นเดียวกับการใช้อุปกรณ์เพาเวอร์มิเตอร์ ด้วยการบันทึกอัตราการเต้นของหัวใจเพื่อใช้เป็นค่าอ้างอิงและใช้ความเร็วรวมถึงความรู้สึกของแรงที่ใช้ในขณะปั่นมายึดเป็นตัวชี้วัดหลัก โดยให้วัดค่าซ้ำหลายๆครั้งรวมถึงพยายามให้ระยะทางและแรงที่ทำแต่ละครั้งเท่ากันที่สุด จากนั้นนำค่าการเต้นของหัวใจที่ได้แต่ละครั้งมาเปรียบเทียบกันเพื่อให้ได้ค่าที่สอดคล้องกันที่สุดแล้วนำไปใช้ในการฝึกซ้อม ซึ่งนี่ถือว่าเป็นการซ้อมแบบ FTP เช่นกัน
3. วัดค่า FTP ได้ด้วยตัวเอง
เริ่มต้นโดยการตั้งเทรนเนอร์จำลองความชันและแรงเสียดทานเหมือนการปั่นทางเรียบ จากนั้นสูบลมยางไว้ที่ 100 psi เริ่มต้นปั่นวอร์มอัพ รวมถึงเตรียมอุปกรณ์การบันทึกค่าต่างๆแล้วปั่นแบบ TT ด้วยแรงคงที่ในระยะทาง 16 กิโลเมตร ซึ่งถ้าปั่นได้ระยะทางดังกล่าวในระยะเวลาต่ำกว่า 19.30 นาที แสดงว่าออกแรงมากเกินไป แต่ถ้าเกิน 20.30 นาที แสดงว่าออกแรงน้อยเกินไป เมื่อปั่นได้ตามเกณฑ์แล้วให้บันทึกค่าระยะทาง พลังงาน อัตราการเต้นของหัวใจ และความเร็วเฉลี่ยเอาไว้ ค่าต่างๆที่ได้จะถือเป็นค่าหลักสำหรับการฝึกซ้อมของคุณ
4. ฝึกซ้อมด้วย FTP ของคุณ
มาถึงตอนนี้คุณก็มีค่าอ้างอิงที่ 6, 20 และ 60 นาที สำหรับการฝึกซ้อม ซึ่งคุณสามารถใช้ค่าที่บันทึกไว้ทั้งหมดตั้งเป้าหมายในการซ้อมแบบ Interval ได้ ยกตัวอย่างฝึกซ้อมทั่วไปโดยปั่น Interval เซตละ 20 นาที 2 เซต (พัก 5 นาทีต่อเซต) โดยใช้ช่วงค่าที่ 85% ของค่าพลังงาน/ความเร็วที่ 60 นาทีในการปั่น หรือถ้าฝึกซ้อมแบบ VO2 Max ก็ให้ปั่นเซตละ 5 นาที 5 เซต (พัก 3 นาทีต่อเซต) โดยใช้ช่วง 90-95% ของพลังงาน/ความเร็วที่ 6 นาทีของคุณในการซ้อม
ในการซ้อม 3 อาทิตย์นั้นแนะนำให้ทำ FTP ทุกวันอังคารและ VO2 Max ทุกวันพุธ และเมื่อซ้อมครบแล้วให้หยุดพัก เริ่มวัดและบันทึกค่าต่างๆใหม่ที่ 20 นาที เพื่อตั้งเป้าหมายที่ระยะไกลขึ้นแต่เวลาเท่าเดิม
CR. Cycling Plus Thailand.